Wednesday, 22 March 2023

“สเปน” ซัดเกินครึ่งโหลถล่ม “คอสตาริกา” ยับแซง “ญี่ปุ่น” นำฝูง ฟุตบอลโลก 2022

กระทิงดุ สมชื่อ ไล่ยิงกระหน่ำ คอสตาริกา เยินขึ้นนำจ่าฝูงกลุ่ม อี ในฟุตบอลโลก 2022 ส่งเยอรมัน พ้นบ๊วยกลุ่ม วันพฤหัสบดีที่ 24 เดือนพฤศจิกายน 2565 การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ที่สนามอัล ธูมามา สเตเดียม กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เกมรอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก กลุ่มอี ทีมชาติ สเปน อันดับ 7 ของโลก พบกับ ทีมชาติคอสตาริกา อันดับ 31 ของโลก

ในเกมนี้ กองทัพ “กระทิงดุ” ดุสมคำร่ำลือ นำ 3-0 ตั้งแต่ 31 นาทีแรก โดยได้ประตูจาก ดานี โอลโม , มาร์โก อเซนซิโอ และ เฟร์ราน โคนร์เรส ในนาทีที่ 11 , 21 และ 31 ตามลำดับ ทำให้จบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้ ครึ่งหลัง เฟร์ราน ตอร์เรส มาบวกเพิ่มได้อีก 1 ประตูในนาทีที่ 54 ก่อนที่จะบวกเป็น 5-0 จาก กาบี ในนาทีที่ 74 และได้อีก 2 ประตูในช่วงทดเจ็บจาก คาร์ลอส โซเลร์ ในนาทีที่ 90 และ อัลบาโร โมราตา ในนาทีที่ 90+2

จบเกม ทีมชาติสเปน สามารถเอาชนะ ทีมชาติคอสตาริกา ไปด้วยสกอร์ 7-0 คว้า 3 คะแนนไปได้สำเร็จ ขึ้นนำกลุ่ม อี แต่ผู้เดียว ส่วน คอสตาริกา หล่นไปรั้งอันดับสุดท้ายของกลุ่มแทนที่ของ เยอรมัน โดยเกมต่อไป สเปน จะพบกับ เยอรมัน และ คอสตาริกา จะไปพบกับ ญี่ปุ่น

สเปน ซัดเกินครึ่งโหล

สเปน โชว์ฟอร์มสมฉายากระทิงดุ เมื่อจัดแจงกระหน่ำคอสตาริกาอย่างดุเดือดถึง 7-0

หลุยส์ เอ็นริเก้ กนซือของสเปน เลือกจัดกองทัพมาในระบบ 4-3-3 ใช้สามแนวรุกเป็น เฟร์ราน ตอร์เรส, มาร์โก อเซนซิโอ และ ดานี โอลโม

ด้านคอสตาริกาของ หลุยส์ เฟร์นานโด ซัวเรซ เทรนเนอร์ชาวโคลอมเบีย วางหมากมาในแผน 5-4-1 ฝากความหวังในแนวรุกไว้ที่หน้าเป้าอย่าง แอนโธนี กอนเตรราส

เริ่มเกมได้ 11 นาที เป็นฝั่งของสเปนมาได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ กาบี งัดบอลไปแฉลบการสกัดของแนวรับคอสตาริกาปลิ้นเข้าจุดโทษไปถึง ดานี โอลโม หมุนตัวเกี่ยวบอลแล้วดีดด้วยขวาสวนตัว เกย์ลอร์ นาวาส อย่างเหนือชั้น ส่งให้กระทิงดุออกนำ 1-0

ถัดมานาทีที่ 21 สเปนมาบวกลูกสองเพิ่มได้อีก จากจังหวะที่ จอร์ดี้ อัลบา ไหลบอลทางกราบซ้ายเข้ากึ่งกลางให้ มาร์โก อเซนซิโอ โฉบมาตวัดยิงด้วยซ้ายไม่เหลือ ช่วยทำให้กระทิงดุหนีห่างเป็น 2-0

แล้วนาทีที่ 31 สเปนมาได้จุดโทษ จากจังหวะที่ จอร์ดี้ อัลบา ไปโดน ออสการ์ ดูอาร์เต้ สกัดล้มลงไป ก่อนที่จะเป็น เฟร์ราน ตอร์เรส รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ส่งให้กระทิงดุนำห่าง 3-0 ก่อนที่จะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังสเปนมาบวกลูกสี่ฉีกหนีไปอีก ในนาทีที่ 54 จากจังหวะที่ กาบี จ่ายบอลทางกราบขวาเข้าจุดโทษให้ เฟร์ราน ตอร์เรส แต่งบอลแรกไปติดแนวรับคอสตาริกา แต่ยังตามไปกลับตัวยิงด้วยซ้ายตุงตาข่าย เป็นลูกสองของเจ้าตัวในเกมนี้ด้วย ช่วยทำให้กระทิงดุทิ้งห่าง 4-0

ต่อด้วยนาทีที่ 74 สเปนยังมาได้ประตูที่ห้าเพิ่มเติมอีก จากจังหวะที่ อัลบาโร โมราต้า เปิดบอลทางกราบซ้ายย้อยเข้ากึ่งกลางให้ กาบี วอลเลย์ด้วยขวาแบบเฉือนไซด์ก้อยเช็ดเสาเข้าไป ส่งให้กระทิงดุนำห่าง 5-0

ช่วงท้ายเกมนาทีที่ 90 สเปนมาบวกลูกหกครบครึ่งโหลพอดี จากจังหวะที่ นิโก้ วิลเลียมส์ เปิดบอลทาบกราบขวาเข้าจุดโทษไปโดน เกย์ลอร์ นาวาส พุ่งปัดมาเข้าทาง การ์ลอส โซเลร์ โฉบมาแปด้วยขวาจ่อๆไม่เหลือ ช่วยทำให้กระทิงดุหนีห่าง 6-0

ยังไม่หมดเท่านี้ เมื่อช่วงทดเวลานาทีที่ 90+2 สเปนมาได้ประตูที่เจ็ด จากจังหวะที่ ดานี โอลโม แปะบอลให้ อัลบาโน โมราต้า ยิงเรียดด้วยซ้ายพุ่งเบียดเสาเข้าไปอย่างเฉียบคม ส่งให้กระทิงดุทิ้งห่างถึง 7-0

แล้วไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นสเปนกระหน่ำเอาชนะไปได้แบบขาดลอยถึง 7-0 ประเดิมนัดแรกในฟุตบอลโลก 2022 ได้สมชื่อกระทิงดุ

ถล่ม คอสตาริกา

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

สเปน (4-3-3)

อูไน ซิมอน เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, โรดรี้, อายเมอริก ลาปอร์กต์, จอร์ดี้ อัลบา (อเลฆานโดร บัลเด้ น.64); เปดรี้ (การ์ลอส โซเลร์ น.57), เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ (โกเก้ น.64), กาบี; เฟร์ราน ตอร์เรส (อัลบาโร โมราต้า น.57), มาร์โก อเซนซิโอ (นิโก ้วิลเลียมส์ น.69), ดานี โอลโม

สำรองไม่ได้ใช้ 

โรเบิร์ต ซานเชซ, เอริค การ์เซีย, เปา ตอร์เรส, มาร์กอส ยอเรนเต้, ดาบิด รายา, อูโก้ กียาร์มอน, เยเรมี ปิโน, ดานี การ์บาฆาล, ปาโบล ซาราเบีย, อันซู ฟาติ

คอสตาริกา (5-4-1)

เกย์ลอร์ นาวาส; การ์ลอส มาร์ติเนซ (เคนดัลล์ วัตสัน น.46), เคย์เชอร์ ฟูลเลอร์, ออสการ์ ดูอาร์เต้, ฟรานซิสโก้ กัลโว, ไบรอัน โอเวียโด้ (โรนัลด์ มาตาร์ริต้า น.82); โจเอล แคมป์เบลล์, เซลโซ บอร์เกส (แบรนดอน อากีเลรา น.72), เยลท์ซิน เตเฮด้า, เจวิสัน เบนเนตต์ (ไบรอัน รุยซ์ น.61), แอนโธนี กอนเตรราส (อัลวาโร ซาโมรา น.61)

สำรองไม่ได้ใช้

ดาเนียล ชากอน, ฮวน ปาโบล วาร์กัส, โยฮัน เวเนกาส, เกอร์สัน ตอร์เรส, ยุสติน ซาลาส, เอสเตบัน อัลวาราโด้, ดักลาส โลเปซ, ปาทริค เซเกรา, โรอัน วิลสัน, แอนโธนี เอร์นานเดซ

ใบเหลือง – ฟรานซิสโก้ กัลโว น.68, โจเอลล์ แคมป์เบลล์ น.90+7